เปิด แชต ม.3 ยิงเพื่อนตาย บอกรุ่นพี่ ผมทำปืนลั่นใส่เพื่อน ก่อนรุ่นพี่นำปืนไปทิ้ง ตำรวจเผย ทำปืนตกใส่คีย์บอร์ด ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายร่างกาย จากกรณีที่ เด็ก ม.3 ปืนลั่นเพื่อนในห้องคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนดังย่านบางบัวทอง และมีความเข้าใจผิดในตอนแรกว่าเป็นเหตุมาจากคีย์บอร์ดระเบิด นั้นล่าสุดสำนักข่าวข่าวสดได้มีการเผยแพรภาพแชตของผู้ก่อเหตุที่บอกรุ่นพี่ว่าตนทำปืนลั่นใส่เพื่อน
ทางผู้สื่อข่าวถาม นาย ซี (นามสมมุติ) รุ่นพี่วัย 18 ปี
ซึ่งทางรุ่นพี่คนดังกล่าวเผยว่า ด.ช.เอ ซึ่งเป็นเด็กที่ทำปืนลั่นได้โทรมา แต่คนไม่ได้รับ พร้อมเขียนข้อความมาบอกว่า “มาด่วนๆ ผมทำปืนลั่นใส่เพื่อน” ตนจึงขับรถไปรับ วนตอนแรกหาไม่เจอ ต่อมาผู้ก่อเหตุวิ่งมาพร้อมกับส่งเสื้อในลักษณะในม้วนมาให้ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร จึงขับรถกกลับบ้าน พอเปิดออกมา ปืนหล่น ตนและเพื่อนจึงรีบนำปืนของ ด.ช.เอ ไปทิ้งที่คลองบางไผ่
ทั้งนี้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าในช่วงเวลาประมาณ 17.17 ศาลารอรถโดยสาร ถนนเลียบคลองบางไผ่ พบกลุ่มเยาวชน 5 คนนั่งอยู่ในศาลา จากนั้นเยาวชนสวมเสื้อแขนยาวสีดำลุกยืนขึ้นแล้วโน้มตัวก้มลงออกมานอกศาลา คล้ายกับทิ้งปืนลงไปในคลอง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพบปืนไทยประดิษฐ์ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน
ขณะที่ .ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง เผยว่าการสอบปากคำเหตุดังกล่าว พบว่าไม่ใช่ปืนพระ เชื่อว่า เด็กนักเรียนผู้ก่อเหตุได้นำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ออกมาโชว์กับเพื่อนร่วมชั้นเรียน แล้วทำร่วงหลุดมือ กระแทกกับคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ปืนลั่นใส่เพื่อนเสียชีวิต ไม่ใช่เจตนาทำร้ายร่างกาย หรือ คีย์บอร์ดระเบิด
เอเซอร์ แจงกรณี คีย์บอร์ดระเบิด ที่แท้จริงแล้วเป็นนักเรียนยิงเพื่อน ยืนยันว่าคีย์บอร์ดไม่มีระบบไฟฟ้า ระเบิดไม่ได้ จากกรณีเหตุ ม.3 ยิงเพื่อน ภายในห้องคอมพิวเตอร์ โรงเรียนดังย่านบางบัวทอง และมีความเข้าใจผิดในตอนแรกว่าเป็นเหตุมาจากคีย์บอร์ดระเบิด ตามคำให้การของโรงเรียนดังที่มีการรายงานไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดทาง เอเซอร์ (Acer) บริษัทคอมพิวเตอร์ชื่อดังในประเทศไทยได้ออกแถลงไขข้อข้องใจถึงเหตุ คอมพิวเตอร์ระเบิด อธิบายว่าคีย์บอร์ดยี่ห้อ Acer รุ่นดังกล่าวไม่มีระบบไฟฟ้าดังนั้นแล้ว ไม่มีทางที่จะลัดวงจรและเป็นเหตุให้คีย์บอร์ดระเบิดได้
ทาง Acer เขียนลงเพจเฟซบุ๊กระบุว่า “ตามที่มีรายงานข่าวในสื่อออนไลน์ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้ทราบข่าว ทางบริษัทฯ ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบรายละเอียด
และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อหาข้อเท็จจริงโดยทันที เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าเครื่องดังกล่าวเป็น All in One PC (ออลอินวันพีซี) ที่ลักษณะการใช้งานเหมือนเดสก์ท็อปพีซีทั่วไป แตกต่างกันเพียงองค์ประกอบอย่าง จอและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เมนบอร์ด ซีพียูและหน่วยความจำต่างๆ รวมในหน้าจอเป็นชิ้นเดียวกัน โดยตัวคีย์บอร์ดแยกจากตัวเครื่อง และไม่มีระบบไฟฟ้า หรือกลไกที่ก่อให้เกิดการระเบิดได้ และทางบริษัทฯ ขอชี้แจงว่าผลิตภัณฑ์ที่มีการจำหน่ายสู่ตลาดได้รับการตรวจสอบมาตรฐานทุกรุ่น
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทฯ ใคร่ขอให้ฟังข้อสรุปอย่างเป็นทางการจากทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป”
ประหารชีวิต ‘แม่ปุ๊ก’ วางยาเด็ก 2 คน โพสต์รูปขอรับบริจาค
ศาลอาญาพิพากษ ประหารชีวิต แม่ปุ๊ก แม่ใจร้ายวางยาเด็ก 2 คน จนเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บสาหัสอีกคน เพื่อโพสต์รูปขอรับบริจาคในเฟซบุ๊ก ศาลอาญา พิพากษาประหารชีวิต แม่ปุ๊ก หรือ น.ส.ณัฐติวรรณ ข้อหาค้ามนุษย์ฯ เพื่อแสวงหาประโยชน์ฯจากการนำคนมาขอทานฯ เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตาย, พยายามฆ่าผู้อื่นฯ, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ ทำการขอทานฯ, ฉ้อโกงฯ, ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นฯ, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ชักจูงฯ ใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทาน
หลังจากที่ศาลเห็นว่ามีความผิดหลายกรรมต่างกัน และไม่มีการลดโทษให้แม้จำเลยสารภาพ เนื่องจากเป็นการสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ประหารชีวิตสถานเดียว
สำหรับกรณีคดีแม่ปุ๊กนั้น จำเลยถูกกล่าวหาว่าในช่วงวันที่ 22 เม.ย.58 – 12 ส.ค.62 แม่ปุ๊กได้รับเลี้ยง น้องอมยิ้ม เด็กหญิง 4 ขวบ ซึ่งเป็นผู้ตาย จากมารดามาเลี้ยงอุปการะอยู่ในบ้านจำเลย โดยขณะรับเลี้ยงนั้นให้เด็กกลืนอาหารที่มีการผสมสารมีฤทธิ์กัดกร่อน ต่อเนื่องจนทำให้เด็กมีอาการป่วยรุนแรง จากบาดแผลในทางเดินอาหาร ความดันโลหิตสูงรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด จนต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลหลายครั้ง
เพื่อที่แม่ปุ๊กจะได้นำภาพของผู้ตายไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กเพื่อให้ประชาชนเกิดความสงสัยและบริจาคเงินเข้ามา ซึ่งนอกจากเด็กหญิงวัย 4 ขวบแล้ว แม่ปุ๊กยังได้ก่อเหตุแบบเดียวกันกับ น้องอิ่มบุญ เด็กชาย 2 ปีเศษ จนทำให้เด็กชายได้รับบาดเจ็บสาหัส
ทั้งนี้ เมื่อแม่ปุ๊กต้องโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษที่โจทก์ขอบวกโทษมารวมเข้ากับคดีนี้ได้อีก และไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีที่โจทก์ขอ โดยศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน จำนวน 31,600 บาท จำนวน 2,000 บาท จำนวน 3,800 บาท จำนวน 3,140 บาท จำนวน 2,400 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2-6 ตามลำดับด้วย และให้รับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางด้วย
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป